Doing business with compassion for the development of civilisation in harmony with nature.
 
B.Grimm | TH

ประวัติของบี.กริม

0149@2x__2.webp0149@2x__2.webp
พ.ศ. 2421
ก่อตั้งร้านขายยา สยามดิสเป็นซารี่ ร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของสยาม
1888-Rangsit-Canal-235454464-bw@2x_.webp1888-Rangsit-Canal-235454464-bw@2x_.webp
พ.ศ. 2431
บี.กริม ขุดคลองรังสิต ความยาว 1,500 กิโลเมตร โครงการชลประทานขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ขณะนั้น
1900-B.Grimm-Booth-at-Chulalongkorn-Leverkusen03-bw@2x_.webp1900-B.Grimm-Booth-at-Chulalongkorn-Leverkusen03-bw@2x_.webp
พ.ศ. 2443
นำเข้าผลิตภัณฑ์ระดับโลก เช่น Krupp, Siemens, Merck, Zeiss และเป็นตัวแทนจำหน่าย และเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจในภายหลัง
1912-B.Grimm-Pratoo-Samyawt-Office-1912-001.3@2x_.webp1912-B.Grimm-Pratoo-Samyawt-Office-1912-001.3@2x_.webp
พ.ศ. 2455
เปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ที่ประตูสามยอด ประดับตราอาร์มพระราชทานของราชวงศ์ 4 พระองค์
1931-Adolf-Link-with-Prince-Prem-Purachatra-first-phone-call-between-Thailand-and-Germany@2x_.webp1931-Adolf-Link-with-Prince-Prem-Purachatra-first-phone-call-between-Thailand-and-Germany@2x_.webp
พ.ศ. 2474
โทรศัพท์ทางไกลครั้งแรกระหว่างสยามและเยอรมนี ติดตั้งโดย บี.กริม
1964-planetarium-01@2x_.webp1964-planetarium-01@2x_.webp
พ.ศ. 2507
ก่อสร้างท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นท้องฟ้าจำลองแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ติดเครื่องฉายดาวของ Zeiss
1994-bgrimm-scan-83-edited@2x_.webp1994-bgrimm-scan-83-edited@2x_.webp
พ.ศ. 2537
บี.กริม และ ซีเมนส์ ได้รับสัมปทานก่อสร้างรถไฟลอยฟ้า โครงการแรกของประเทศไทย
1996-Harald-Link-with-Helmut-Kohl-_-Vikrom-Kromadit@2x_.webp1996-Harald-Link-with-Helmut-Kohl-_-Vikrom-Kromadit@2x_.webp
พ.ศ. 2539
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เฮ็ลมูท โคล ร่วมเป็นสักขีพยานในงานเซ็นสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกของ บี.กริม
2017-B.Grimm-Power_First-Trading-Day-m@2x_.webp2017-B.Grimm-Power_First-Trading-Day-m@2x_.webp
พ.ศ. 2560
บี.กริม เพาเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2019-B.Grimm-Power-Solar-Farm-Vietnam-Dau-Tieng-DJI_0057-e1@2x_.webp2019-B.Grimm-Power-Solar-Farm-Vietnam-Dau-Tieng-DJI_0057-e1@2x_.webp
พ.ศ. 2562
เปิดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในประเทศเวียดนาม
2019-FEI-Asian-Championship-pdn_DN_0790@2x_.webp2019-FEI-Asian-Championship-pdn_DN_0790@2x_.webp
พ.ศ. 2562
เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการแข่งกีฬาขี่ม้า FEI Asian Championships ที่ บี.กริม คันทรี่ คลับ พัทยา การแข่งขันกีฬาขี่ม้าระดับสากลครั้งแรกในทวีปเอเชีย
2019-PrimoCare-Clinic-IMG_7837@2x_.webp2019-PrimoCare-Clinic-IMG_7837@2x_.webp
พ.ศ. 2562
เปิดตัวพรีโมแคร์ เมดิคอลคลินิก ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ตั้งแต่การรักษา การป้องกันโรค รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพ
2022-B.Grimm-Unison-First-Day-Townhall-864-7x5@2x_.webp2022-B.Grimm-Unison-First-Day-Townhall-864-7x5@2x_.webp
พ.ศ. 2565
เข้าซื้อกิจการเครือ Unison เพื่อพัฒนาธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมการเข้าถึงผลิตภัณฑ์บริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ

บี.กริม ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี มายาวนานกว่า 145 ปี จนเป็นองค์กรด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการสาธารณะสุขที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบัน ประกอบธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งในด้านพลังงาน อุตสาหกรรม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ คมนาคม และอสังหาริมทรัพย์

Play Video

เริ่มต้นบุกเบิก

ในปี พ.ศ. 2421 หรือ ค.ศ. 1878 เภสัชกรชาวเยอรมัน แบร์นฮาร์ด กริม และหุ้นส่วนชาวออสเตรีย แอร์วิน มุลเลอร์ ได้เดินทางมายังประเทศไทยและก่อตั้งห้างจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและเคมีภัณฑ์ขึ้น ที่ซอยโรงแรมโอเรียนเต็ล บนถนนเจริญกรุง ชื่อว่า สยามดิสเป็นซารี่ เป็นร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกในสยาม ด้วยความรู้ความสามารถและความชำนาญในวิชาชีพของบุคคลทั้งสอง จึงทำให้เป็นที่รู้จักและได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ร้านยาหลวง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และในช่วงเวลาเดียวกัน บี.กริม ได้ร่วมมือกับตระกูลสนิทวงศ์ในการขุดคลองรังสิต ความยาว 1,500 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นโครงการชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ขณะนั้น

เติบโต ขยายกิจการอันหลากหลาย

ในปี พ.ศ. 2446 หลังจากรัชกาลที่ 5 เสด็จกลับจากประพาสยุโรป พระองค์ทรงนำความเจริญด้านต่างๆจากยุโรปเข้ามาพัฒนาประเทศไทย ณ ขณะนั้น ห้างสยามดิสเป็นซารี่ ได้รับ อดอล์ฟ ลิงค์ เภสัชกรชาวเยอรมัน ผู้มีความมุ่งมั่นแข็งขันเข้ามาร่วมงาน ซึ่งช่วยให้กิจการของ บี.กริม ขยายไปยังธุรกิจที่หลากหลายและเติบโตยิ่งขึ้น

สงครามโลก ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ

ในปี พ.ศ 2460 ขณะที่ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นนั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ปะทุขึ้น คนเยอรมันตกเป็นเชลยของรัฐบาลอังกฤษ ทำให้บริษัท บี.กริม ซึ่งเป็นบริษัทของคนเยอรมันตกอยู่ในสถานะลำบาก อดอล์ฟ ลิงค์และภรรยา เออร์น่า พร้อมทั้งบุตรชายทั้งสองคือ เฮอร์เบิร์ต และ ดร. เกฮาร์ด ถูกส่งไปค่ายกักกันในประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตาม ครอบครัวลิงค์ ยังคงเชื่อมั่นว่าคนไทยเข้าใจความตั้งใจอันดีในการดำเนินธุรกิจและยังให้โอกาสในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อ

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ในปี พ.ศ. 2463 ครอบครัวลิงค์ จึงกลับมากรุงเทพมหานคร เพื่อจะดำเนินกิจการของ บี.กริม และยังคงถวายงานรับใช้พระบรมวงศานุวงศ์อย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์อันแนบแน่นนี้จะเห็นได้จากการที่พระเจ้าบรมวงษ์เธอเจ้าฟ้าภานุรังษี ประทานพระอนุญาตให้บริษัท บี.กริม ตั้งสำนักงานขึ้นใหม่ในเขตวังบูรพา โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เสด็จเป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานใหม่ของบี.กริม

ในปี พ.ศ 2482 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อดอล์ฟ ลิงค์ ได้เดินทางกลับไปเยอรมนี เพื่อไปดูแลห้างที่ฮัมบูรก์ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ ให้เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองฮัมบูร์ก

บุกเบิก ริเริ่ม อีกครั้ง

อดอล์ฟ ลิงค์ กลับมาเปิดบริษัทขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2492 โดยมีเฮอร์เบิร์ต ลิงค์เข้ามาดูแลกิจการ ในขณะที่พี่ชายซึ่งเป็นหุ้นส่วนยังคงอยู่ที่ประเทศเยอรมนีเพื่อขยายกิจการของ บี.กริม ในทวีปยุโรป ต่อมา ในปี พ.ศ. 2496 เกฮาร์ด ลิงค์ได้รับแต่งตั้งเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์และกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองฮัมบูร์ก

ในทศวรรษต่อมา สองพี่น้องตระกูลลิงค์ได้ขยายกิจการออกไปอีก โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 เริ่มเพิ่มแผนกที่ดูแลด้านวิศวกรรม อุปกรณ์การแพทย์ การผลิตไฟฟ้า โทรคมนาคม เครื่องปรับอากาศและ วิศวกรรมเครื่องกล ในปี พ.ศ. 2510 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จเปิดอาคารสำนักงานใหม่และโกดังของบริษัทบนถนน เพชรบุรีตัดใหม่

และต่อมาในปี พ.ศ. 2518 คุณหญิง อัลม่า ลิงค์ ภรรยาของ เฮอร์เบิร์ต ลิงค์ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งคุณหญิง โดยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์ทรงตระหนักถึงความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยของคุณหญิงอัลม่า ลิงค์ ในการทำงานเพื่อการกุศลต่างๆด้วยจิตใจโอบอ้อมอารีมาโดยตลอด คุณหญิงอัลม่า ลิงค์ ถือเป็นสตรีต่างชาติคนแรกที่ได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งอันสูงส่งดังกล่าว

ก้าวไปข้างหน้า และร่วมพัฒนาสังคมโลกอย่างยั่งยืน

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา บริษัท บี.กริม ภายใต้การบริหารของ ฮาราลด์ ลิงค์ บุตรชายของ ดร. เกฮาร์ด ลิงค์ เดินหน้าขยายกิจการไปสู่ธุรกิจพลังงาน อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ พร้อมยังมุ่งเน้นการร่วมทุนกับบริษัทชื่อดังของโลกอีกหลายแห่ง ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 ฮาราลด์ ลิงค์ เริ่มเข้ามาช่วยคุณลุงเฮอร์เบิร์ต ดูแลกิจการในประเทศไทย ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะเติบโตที่ประเทศเยอรมนี แต่นายฮาราลด์ ก็มีความตั้งใจที่จะสืบทอดกิจการ บี.กริม และอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย

เมื่อโลกได้เข้าสู่กระแสโลกาภิวัฒน์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างในประเทศไทยอยู่ในระหว่างกำลังพัฒนา บริษัทจึงขยายตัวเข้าไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตและระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ ซึ่ง บี.กริม ได้ร่วมทุนกับหลายบริษัท โดยทำหน้าที่ผู้จัดจำหน่าย เช่น Carrier, Siemens, Merck, Zeiss, Maquet, KSB, Urgo และ MBM และเป็นผู้ผลิตรถยนต์สามล้อยี่ห้อ Monika บริษัทได้สร้างโรงงานขึ้นใหม่อีกหลายแห่งและได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้นบริษัท บี.กริม ก็ได้ขยายกิจการเข้าสู่ธุรกิจด้านพลังงาน การผลิตไบโอดีเซล และธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ และได้เปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าแห่งแรก ขึ้นในปี พ.ศ. 2541

และในปี พ.ศ. 2551 คาโรลีน ลิงค์ บุตรสาวของ ฮาราลด์ ลิงค์ ได้เข้ามาฝึกฝนการบริหารกิจการของครอบครัว โดยมีความมุ่งมั่นที่จะนำพา บี.กริม สู่บริษัทระดับโลก ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจหลากหลายด้านรวมถึงคิดค้นนวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมในยุคดิจิตัล โดยยึดมั่นปรัชญาของ บี.กริม ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ